|
พระประวัติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ทรงมีพระนามเดิมว่า
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์เป็น พระราชโอรสองค์ที่ ๑๔
ในสมเด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (
พระปิยมหาราช ) รัชกาลที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดาตลับ ธิดาพระยาพระยา เวียงในนฤบาล ประสูติ
วันพุธ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอ ฉศก จุลศักราช ๑๒๑๗ ตรงกับวันที่ ๒๑
ตุลาคม ๒๔๑๗
|
การศึกษา
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงเข้าศึกษาวิชาภาษาไทยครั้งแรกในสำนักพระยาศรี
สุนทรโวหาร(น้อย อาจารยางกูร) แล้วทรงเข้าศึกษาภาษาอังกฤษชั้นต้น
ในสำนักครูรามสามิ และในปี พ.ศ. ๒๔๒๖ ได้ทรงเข้าศึกษา ภาษาไทยอยู่ใน
สำนักพระยาโอวาทวรกิจ (แก่น เปรียญ ) ณ พระตำหนักสวนกุหลาบ
พระองค์ได้เข้าพิธีพระราชโสกันต์ในวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๔๒๗
และทรงผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌายะ
หลังจากเสร็จพระราชพิธีสมโภชแล้วจึงทรงเสด็จ มาประทับที่
วัดบวรนิเวศวิหาร ในวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๒๘
จึงลาสิกขาเสด็จกลับเข้าประทับในพระบรมหมาราชวัง รวมเวลาที่พระองค์ได้
้ทรงผนวช ทั้งสิ้น ๒๒ วัน
ต่อมาในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๔๓๑ ได้เสด็จไปประเทศอังกฤษ
และทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนมัธยมอยู่นกรุงลอนดอนเป็น เวลา ๓ ปี
เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ได้ทรงเลือกศึกษาวิชา
กฎหมายต่อที่วิทยาลัยไครส์ตเชิช มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓
เมื่อได้ทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัย ไครส์ตเชิช
แล้วได้ทรงอุตสาหะเอาพระทัยใส่เป็นอย่างมาก ในที่สุดได้ทรงสอบ
ไล่ผ่านทุกวิชาตามหลักสูตร ได้รับปริญญาตรีเกียรตินิยม
ในทางกฎหมายของมหาวิทยาลัย ภายในเวลา ๓ ปี ช่วงขณะนั้นทรงมี พระชนมายุเพียง
20 พรรษา
เนื่องจากช่วงเวลานั้น
ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะการรุกรานของฝรั่งเศส
ในพุทธ ศักราช ๒๔๓๖ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ได้เสด็จกลับประเทศไทย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ
ให้พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงฝึกหัดราชการในกรม
ราชเลขานุการ และได้ทรงศึกษากฎหมาย ไทยทั้งหมดที่หม่อมลัดเลย์ได้พิมพ์ไว้
พระองค์ทรงแตกฉานในกฎหมายไทยและสามารถปฏิบัติราชการได้อย่างคลองแคล้ว |
|
|
พระราชกรณียกิจ
- เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๙
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม
ในขณะที่ทรงมี พระชนมายุได้ ๒๒ พรรษา
ทรงเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมเป็นลำดับที่ ๓
และทรงวางระเบียบศาลยุติธรรมโดยออกเป็นกฎเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม (
พิจารณาความแพ่ง , พิจารณาอาญา ในปีพุทธศักราช ๒๔๗๘ )
พระองค์ทรงจัดให้มีการสอนวิชากฎหมายขึ้นเป็นการแพร่หลาย
ให้โอกาสบุคคลที่สนใจทั่วไป เข้าศึกษาได้ ทรงตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้นมา
- เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ เป็นการเปิดการสอนกฎหมายครั้งแรก
- ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒
พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
สถาปนาพระอิสริยศักดิ์เป็นกรมหมื่น โดยมีพระนามจารึกในพระสุพรรณบัฎว่า
พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นราชบุรีดิเรกฤทธิ์
- เมื่อพุทธศักราช ๒๔๔๓
ได้ทรงดำริจัดตั้งกรมพิมพ์ลายมือขึ้นที่กรงลหุโทษ
และได้ทรงสอนวิธีตรวจเส้นลายมือและวิธีเก็บพิมพ์ลายมือ
สำหรับตรวจพิมพ์ลายมือผู้ต้องหาในคดีอาญา
- ครั้นเมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๓ กรมหลวงราชบุรีฯ
ทรงทำหนังสือกราบบังคมทูลว่าประชวร โดยมีอาการปวดพระเศียร
คิดและทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น หมอไรเตอร์ตรวจพระอาการแล้วว่าต้องหยุดการทำงาน
พักรักษาพระองค์
- ในปีพุทธศักราช ๒๔๕๕
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสร็จในกรม ฯ
กลับรับราชการเป็นเสนาบดีกระทรวงเกษตรธิการตามประกาศพระบรมราชโองการ
ลงวันที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๕
และทรงดำรงตำแหน่งเพียงปีเดียวก็ได้รับพระบรมราชโองการเลื่อนขึ้นเป็นพระ
เจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช
๒๔๕๕
จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๖๒ เสด็จในกรมฯ ทรงประชวร ด้วย
พระวัณโรคที่พระวักกะ
จึงทรงกราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีเพื่อเปิดโอกาสให้ทรงเลือกสรรให้
ผู้อื่นได้รับหน้าที่ต่อไป และได้เสด็จ ไปรักษาพระองค์ ณ กรุงปารีส
แต่พระอาการก็หาทุเลาขึ้นไม่ จนกระทั่งในวันที่ ๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๓ เวลา
๒๑.๐๐ น. พระองค์ก็เสด็จสิ้นพระชน ณ กรุงปารีส นับพระชนมายุได้ ๔๗ พรรษา
อันนำความเศร้า โศกเสียใจมาสู่วงการนักกฎหมายไทยยิ่งนัก
ด้วยเหตุที่ทรงมีพระคุณต่อประเทศชาติและนักกฎหมายทั้งปวงเป็นอเนกประการ
ด้วยพระเกียรติคุณอันจะสุดพรรณนา ทำให้ประชาชนทั่วไป ถวาย พระสมญานามว่า
“ พระบิดาและปรมาจารย์แห่งนักกฎหมายไทย ” และ เรียกวันที่ ๗ สิงหาคม ของทุกปี ว่าวัน “ รพี ”
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น